top of page
รูปภาพนักเขียนinvestcorner1

ส่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี2563



“ยังไม่ทันฟื้นจากไข้เศรษฐกิจสงครามการค้าโลก ก็ดันมาติดไข้ไวรัสโคโรนาอีก” นี่คือสิ่งที่แอดมินคิดสำหรับ “เศรษฐกิจ” ไทยในช่วงต้นปี 2563 นี้ เพราะที่ผ่านมาเราคิดว่าสงครามการค้าโลก (Trade War) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ “เศรษฐกิจ” ไทยไม่เติบโตเท่าที่ควร และเมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์หลายสำนัก เช่น ธนาคารโลก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ฯลฯ ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ในปี 2563 “เศรษฐกิจ” จะฟื้นตัวจากสงครามการค้าแล้ว แต่พอมาต้นปี 2563 เราดันต้องมาเจอกับปัญหาวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่


แนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ “ภาคต่างประเทศ” และ “ภาคเกษตรอย่างมาก”


ก่อนอื่นแอดมินว่าเราต้องทำความเข้าใจกลไกพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจก่อน ว่าการที่เศรษฐกิจไทยจะขับเคลื่อนได้เนี้ยต้องประกอบไปด้วยฟันเฟืองอะไรบ้าง แต่ละฟันเฟืองมีบทบาทและความสำคัญอย่างไร เพราะประเทศหนึ่งประกอบไปด้วยบริษัทจำนวนมหาศาลที่มีลักษณะธุรกิจและกลยุทธ์การทำธุรกิจที่แตกต่างกัน เมื่อเราจะวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจ ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าการเติบโตมาจากฟันเฟืองตัวใดของระบบเศรษฐกิจ โดยระบบเศรษฐกิจพื้นฐานประกอบไปด้วย


5 ฟันเฟืองสำคัญ คือ

1. ภาคครัวเรือน 2. ภาคธุรกิจ 3. ภาคสถาบันการเงิน 4. ภาครัฐบาล และ 5. ภาคต่างประเทศ


โดยแต่ละภาคส่วนจะทำธุรกรรมทาง “เศรษฐกิจ” ซึ่งกันและกัน เช่น ภาคครัวเรือนซื้อสินค้าจากภาคธุรกิจ และภาคธุรกิจเองก็ซื้อแรงงานจากภาคครัวเรือน ภาครัฐบาลเก็บภาษีจากภาคธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็มีการส่งเสริมธุรกิจผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีรูปแบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน


ตัวอย่างเช่นในปี 2561 รายจ่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา ไทย และจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68 49 และ 39 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ตามลำดับ ส่วนรายจ่ายเพื่อการนำเข้าส่งออกของสหรัฐอเมริกา ไทย และจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 123 และ 39 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ตามลำดับ พี่ทุยสะดุดตาตรงตัวเลขสัดส่วนรายจ่ายเพื่อการนำเข้าส่งออกของประเทศไทยที่สูงถึงร้อยละ 123 ของ GDP

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นลักษณะสำคัญของประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่พึ่งพา “ภาคต่างประเทศ” เป็นหลัก กล่าวคือถ้าหากเศรษฐกิจโลกถดถอย เศรษฐกิจไทยก็จะถดถอยตามไปด้วย หรือในทางกลับกันถ้าหากเศรษฐกิจโลกคึกคัก เศรษฐกิจไทยก็จะคึกคักตามไปด้วย

นอกจากนี้หากพิจารณาระบบเศรษฐกิจโดยจำแนกตามประเภทการผลิตที่ต่างกัน คือภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ถ้าเราลองไปดูลึก ๆ จะเห็นว่ามูลค่าภาคเกษตรในประเทศไทยมีสัดส่วนร้อยละ 8.2 ซึ่งสูงกว่าสหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 0.9) และจีน (ร้อยละ 7.9) ในขณะที่ประเทศจีนมีสัดส่วนมูลค่าภาคอุตสาหกรรมมากที่สุด (ร้อยละ 40.5) และสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนมูลค่าภาคบริการมากที่สุด (ร้อยละ 80)

จากข้อมูลทั้งหมดที่พูดถึงมาเนี้ย พี่ทุยว่าเราสามารถสรุปได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีลักษณะพึ่งพาภาคต่างประเทศ อีกทั้งภาคเกษตรก็เป็นภาคการผลิตที่สำคัญเพราะมีการจ้างงานมากที่สุด แม้ว่าสัดส่วนมูลค่าต่อ GDP จะไม่สูงมากก็ตาม ดังนั้นเหตุการณ์อะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อ “ภาคต่างประเทศ” และ “ภาคการเกษตร” ก็จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2563 เช่นกัน


แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ?


จากการรวบรวมข้อมูลการพยากรณ์จากแหล่งต่าง ๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารโลก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศ เราจะเจอว่ามีการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 2563 อยู่ระหว่างร้อยละ 2.1 ถึงร้อยละ 3.7 โดยแหล่งข้อมูลที่ให้อัตราการเติบโตสูงที่สุดคือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้ความเห็นว่าการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงสงครามการค้าโลกมีแนวโน้มดีขึ้น นั่นคือการส่งออกไทยจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 นอกจากนี้ทิศทางปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ส่วนแหล่งข้อมูลที่ให้อัตราการเติบโตต่ำที่สุดคือ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ภาคการส่งออก และปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แอดมินเลยรวบรวมข้อมูลสำคัญ ๆ ของการคาดการณ์จากแหล่งต่าง ๆ ไว้ในตารางด้านล่างตามนี้



หมายเหตุ : วันที่หลังตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของ GDP คือวันที่ประกาศตัวเลขดังกล่าวของแต่ละสถาบัน

แอดมินสังเกตเห็นได้ว่าสถาบันพยากรณ์เศรษฐกิจชั้นนำทุกแห่งล้วนให้ความสำคัญกับ “ภาคต่างประเทศ” และ “ภาคเกษตร” ของไทย เพราะว่าปัจจัยสำคัญในการพยากรณ์การประมาณการ GDP Growth ในปี 2563 ล้วนเกี่ยวข้องกับ 2 ภาคส่วนนี้ ซึ่งเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2563 ปัจจัยที่ทำให้ภาคต่างประเทศของไทยเติบโตได้ช้า คือ

(1) ผลกระทบต่อเนื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ฯ (2) สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และปัจจัยที่ทำให้ภาคเกษตรของไทยประสบปัญหาคือปัญหาภัยแล้ง

ซึ่งถ้ายังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ รวมถึงปัญหาภัยแล้งไทยก็เป็นเรื่องยากอย่างมากที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้แบบช่วงที่ผ่านมา

ดู 8 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page