สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งเรียนจบใหม่และเพิ่งเริ่มชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นคนวัยทำงานแล้ว สามารถหาเงินได้เอง ซึ่งช่วงจังหวะนี้แหละที่เป็นจังหวะดีในการเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัว ปูทางเพื่อการมีฐานะทางการเงินที่ดีในอนาคต รวมถึงความอยู่ดีกินดีในวัยเกษียณอายุได้ การเริ่มต้นวางแผนและดำเนินการอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรกก็ช่วยทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะเริ่มทำตั้งแต่เริ่มเป็นมนุษย์เงินเดือนใหม่ ๆ หรือตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน แต่จริง ๆ แล้วการจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างสวยงามไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ถ้าเกิดว่ามีอุปสรรคต่าง ๆ มาขัดขวางโดยเฉพาะจากพฤติกรรมทางการเงินของเราเองตั้งแต่เริ่มเลย “คนเพิ่งเริ่มทำงานควรระวัง”
พี่ทุยว่ามีพฤติกรรมบางอย่างที่ “คนเพิ่งเริ่มทำงานควรระวัง” ไม่ให้เกิดขึ้น เพราะจะเป็นสิ่งที่ไปขัดขวางความมีอิสระทางการเงินในอนาคตของเราได้ เป็นสิ่งที่พี่ทุยอยากให้ระวังกันมาก ๆ นะ เพื่อหาป้องกันความผิดพลาดทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้น และปัญหาทางการเงินต่าง ๆ ที่จะตามมา
ผ่อนหนัก ตั้งแต่เริ่ม
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งจบใหม่และเพิ่งเริ่มเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน มีเงินเดือนเข้าบัญชีทุกเดือน ซึ่งเป็นเวลาที่หลายคนต่างเฝ้ารอที่จะหารายได้ด้วยตัวเองและไม่ต้องพึ่งพาเงินจากที่บ้านอีกต่อไปแล้ว และรู้สึกว่าเงินที่ตัวเองหามาได้ เราก็สามารถใช้ไปยังไงก็ได้ตามใจเรา พี่ทุยเห็นบางคนก็ซื้อของพวกข้าวของแบรนด์เนม กระเป๋า รองเท้า ที่ต้องการ ในขณะที่บางคนก็เริ่มอยากได้อยากมีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง เลยตัดสินใจซื้อรถยนต์ หรือผ่อนคอนโด ผ่อนบ้านตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการทำงานมันซะเลย โดยอ้างว่าจะได้มีแรงกระตุ้น มีแรงผลักดันในการทำงานมากขึ้น
พี่ทุยว่าความอยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องผิดอะไร โดยเฉพาะบางคนอาจจะจำเป็นจริง ๆ เช่น บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานมาก ๆ แต่อย่าลืมนะว่าการผ่อนซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาสูงอย่างรถยนต์ หรือบ้านมันต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนชำระค่อนข้างนานเลยทีเดียว อย่างบ้านนี่ก็เป็นหลายสิบปีเลย และอย่างที่รู้ว่ามันเป็นของที่มีมูลค่าสูงแน่นอนว่าทำงานใหม่ ๆ เราคงไม่สามารถจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมดได้ แต่ด้วยความเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะเป็นพนักงานประจำสามารถในการกู้ยืมเงินง่าย ซึ่งแน่นอนว่าการกู้เงินย่อมมาพร้อมกับดอกเบี้ยและภาระทางการเงิน
พี่ทุยว่าการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป แต่การสร้างภาระทางการเงินหนัก ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานพี่ทุยว่าก็เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยน่าทำเท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทุก ๆ เดือนจนกว่าจะผ่อนชำระหมดในเวลา 5 ปี 10 ปี หรือมากกว่านั้น และบางคนอาจจะนำเงินส่วนที่ควรนำมาเก็บออมเพื่อเป้าหมายในการเกษียณอายุไปใช้จ่ายส่วนนี้ ทำให้โอกาสการเอาเงินไปลงทุนหรือออมลดลง เราควรจะค่อย ๆ วางแผนและเตรียมเงินให้พร้อมในระดับนึงก่อน
การจะตัดสินใจซื้ออะไรพี่ทุยว่าต้องรู้จักการวางแผนและประเมินความสามารถในการหาเงินของตัวเอง และค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ก่อนด้วยนะ อย่าคิดแต่ว่ายังไงก็ชอบคิดว่าไหว หรือคิดว่าเอาอยู่ แต่พอผ่อนไปได้สักพักก็เริ่มจะรู้สึกว่าไม่ไหว เพราะค่าใช้จ่ายเยอะเกิน จนเกิดปัญหาเดือนชนเดือน เงินไม่พอใช้จ่าย จนสุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นรถยนต์ หรือบ้านถูกยึดไป ซึ่งจะเสียทั้งเงินเสียทั้งเครดิตทางการเงินไปจากการผิดชำระหนี้ด้วย
ไม่ลงทุนในตัวเอง
บางคนอาจจะงงว่าลงทุนในตัวเองคืออะไร ? บางคนอาจจะได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำ ๆ นี้ “การลงทุนในตัวเอง” คือ การลงทุนด้านเวลาในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต หรืออะไรก็ตามมันขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน ซึ่งพี่ทุยว่าวิธีมันก็ไม่ได้ตายตัวนะว่าจะต้องทำยังไง บางคนอาจจะอ่านหนังสือ หาความรู้ในอินเทอร์เน็ต หรือทำอะไรก็ได้ที่เพิ่มทักษะและประสบการณ์ให้กับเราได้
แม้ว่าข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน คือ การมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่พี่ทุยว่ามันก็เป็นเหมือนดาบสองคมเหมือนกันนะ เพราะการมีรายได้สม่ำเสมอทำให้บางคนขาดความกระตือรือร้นและไม่พยายามที่จะพัฒนาตนเอง ยิ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนจบใหม่ ๆ ยิ่งมีตื่นตาตื่นใจไปกับโลกใหม่ วัน ๆ นึงเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องบ้าง สนใจแต่ว่าวันนี้เลิกงานแล้วจะไปไหน? วันหยุดยาวจะไปเที่ยวไหนดี? แต่ไม่ค่อยรู้จักใช้เวลาไปกับการลงทุนในตัวเอง พัฒนาตัวเอง ทั้งที่พี่ทุยว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค้าที่สุดเลย ซึ่งบางครั้งแทบไม่ต้องเสียเงินเลยด้วยซ้ำ เช่น บางคนเอาเวลาไปศึกษาวิธีการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน หรือบางคนก็หาเวลาศึกษาวิธีการทำธุรกิจให้ประสบความเร็จ ยิ่งเดี๋ยวนี้หาได้ง่ายตามอินเทอร์เน็ตด้วยนะ คุ้มไหมล่ะ
พี่ทุยว่ายังไงก็อย่าลืมหาความรู้เพิ่มเติมไม่ว่าจะในสายงาน หรือความรู้ด้านอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้เป้าหมายชีวิตและเป้าหมายทางการเงินบรรลุได้ดีมากขึ้นนะ ถ้าไม่ลงทุนในตัวเองแล้วจะไปลงทุนกับอะไรจริงมั้ย
ไม่วางแผนภาษี
“การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของคนที่มีรายได้ทุกคน”
แอดมินเข้าใจนะว่าเพิ่งเรียนจบอาจจะเพราะยังไม่เคยเสียภาษีเงินได้มาก่อน พอเพิ่งเข้ามาสู่โลกของการมนุษย์เงินเดือนอาจจะยังไม่คุ้นเคยว่ามันคิดยังไง? ต้องทำยังไงบ้าง? พี่ทุยว่าจะมัวแต่อ้างมันก็ไม่ได้อะเนอะ เพราะว่าการวางแผนจัดการภาษีเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการวางแผนทางการเงินด้วย และถ้าหากตอนถึงเวลายื่นภาษีขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นรายจ่ายที่ไม่น้อยเลย ถ้าเราลองใช้เวลาศึกษาสิทธิประโยชน์และวิธีการลดหย่อนภาษี แล้วก็วางแผนพี่ทุยว่ามันก็จะช่วยให้เราประหยัดภาษีไปพร้อม ๆ กับได้ลงทุนแบบระยะยาวและเป็นการวางแผนทางการเงินเพื่อวัยเกษียณได้อีกด้วยนะ
พี่ทุยว่าการวางแผนจัดการภาษีจำเป็นในการบริหารจัดการลดหย่อนภาษีอย่างครบถ้วนและออมเงินเพื่ออนาคต โดยเริ่มต้นตั้งแต่ความเข้าใจในรายละเอียดของภาษีเงินได้ แต่พี่ทุยเห็นหลายคนก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันขนาดนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรบ้าง และมีสิทธิลดหย่อนแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิลดหย่อนจากการออมและลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือประกันชีวิต ที่เราต้องวางแผนก็เพราะจะได้เข้าใจและคำนวณได้ว่าจะใช้สิทธิแต่ละอย่างต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับฐานเงินเดือน หรือรายได้ของเรา และเราควรจะจัดสรรรายได้เพื่อเอาไปใช้จ่ายในแต่เดือนเท่าไหร่โดยที่ไม่กระทบต่อการใช้จ่ายส่วนอื่น เพราะถ้าไม่ได้วางแผนไว้พอถึงเวลาที่ต้องใช้เงิน เช่น ซื้อกองทุน หรือจ่ายเบี้ยประกัน เงินที่มีอาจจะไม่เพียงพอ หรือเกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทันได้นะ
จากพฤติกรรมที่พี่ทุยได้บอกไป ถ้ามนุษย์เงินเดือนมือใหม่คนไหนรู้แล้วก็อย่าทำตาม เพราะพี่ทุยว่ามันก็จะเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานได้เป็นอย่างดีเลยนะ และเพื่อให้การไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้อย่างไม่ยาก หรือถ้าใครมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่แอดมินอยากให้รีบปรับ รีบแก้ไขกันโดยเร็วเลยนะ
Comments