เมื่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัว เปลี่ยนแปลง ให้ใกล้ชิดลูกค้ามากที่สุด
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ลูกค้าบางคนอาจจะต้องการต้องการซื้ออสังหาฯเพื่ออยู่อาศัยจริง บางคนก็ซื้อเอาไว้ลงทุน บางคนก็ซื้ออาจจะเอาไว้เป็นบ้านหลังที่สอง สาม สี่ ให้ลูก ให้หลาน หรือเอาไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ แบบนี้เป็นต้น
เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ พัทยา ชะอำ เกาะสมุย รวมถึงพื้นที่ย่านธุรกิจชั้นนำ เป็นต้น มักจะมีผู้ประกอบการไปเปิดโครงการเอาไว้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการจะมีบ้านพักตากอากาศเอาไว้รองรับเมื่อต้องการไปเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่างๆของปี แต่ก็มีประเด็นว่า "ใครจะเที่ยวทุกวัน?" เดือนหนึ่งอาจจะเที่ยวเพียงแค่ ไม่ถึง 1 เดือนแล้วอีก 11 เดือนที่เหลือไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ปล่อยเอาเป็นที่ร้าง ถ้าคิดตามหลักเศรษฐศาสตร์ก็คือ "เกิดค่าเสียโอกาส" ขึ้น จากการไม่ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ปล่อยให้เสื่อมโดยเปล่าประโยชน์ จึงเกิดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท "คอนโดเทล (Condotel)"ขึ้นเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาและสร้างความคุ้มค่าให้กับเงินลงทุนที่ต้องจ่ายออกไป
คอนโดเทล ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็น "คอนโด" บวกกับ "โฮเต็ล หรือ โรงแรม" เป็นการนำเอาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยมาประยุกต์ใช้กับการปล่อยเช่ารายวันหรือรายเดือนที่มี Service แบบโรงแรม โดยที่เจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่ให้เช่าคือเจ้าของคอนโดมิเนียมนั่นเอง และมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นกรรมสิทธิ์เจ้าของร่วมกันเช่นเดียวกับคอนโดอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกับโรงแรมที่มีโรงแรมจะมีเจ้าเพียงหนึ่งเดียวหรือเป็นหุ้นส่วนร่วมกันเท่านั้น อีกทั้งโรงแรมยังมีลักษณะที่บริการแบบมืออาชีพ มีการจัดฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกที่ลงตัวตอบสองความต้องการได้ตรงจุดมากกว่าคอนโดเทลอีกด้วย
จุดเด่นของคอนโดเทล จะมีเสนห์ตรงที่ ลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมสามารถนำห้องที่ตนเองถือกรรมสิทธิ์ไปปล่อยเช่าให้เกิดประโยชน์ได้เและกลายเป็นช่องรายได้เสริมให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันเหล่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีที่ดินอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้เห็นความสำคัญและเพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้นด้วยการเพิ่มการบริการแบบโรงแรม ทั้งการหาลูกค้า บริหารผู้เช่าต่างๆ ซัก อบ รีด อาหาร เครื่องดื่ม แนะนำสถานที่เที่ยว แบบครบวงจรเปรียบเสมือนอยู่โรงแรมเลยทีเดียว ช่วยลดภาระและเป็นกลยุทธ์การส่งเสริมการขายที่อยู่อาศัยในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายพยายามเสนอ Package หรือทำโมเดลทางการเงิน เพื่อดึงดูดเหล่านักลงทุนในรูปแบบของการลงทุนคอนโดตากอากาศเพื่อใช้เป็นที่พักก็ได้หรือเอาไว้ลงทุนก็ได้ โดยผู้ประกอบการมีการใช้กลุยทธ์ เช่น ซื้อคอนโดกับโครงการนี้รับผลตอบแทน 10% ติดต่อกัน 3 ปีโดยในแต่ละปีสามารถเข้ามาพักที่โครงการได้ 20 ครั้ง ส่วนที่เหลือต้องเอาไว้ปล่อยเช่าแบบนี้ เป็นต้น ก็ถือเป็นช่องทางการทำธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่งที่เห็นมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมที่จะพักคอนโดเทลเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากสามารถทดแทนโรงแรมได้ แถมยังมีราคาค่าห้องพักที่ถูกกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และมีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แถมยังมี Fitness สระว่ายน้ำ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโรงแรมแล้วเหมือนจะคุ้มค่ากว่า
จากกระแสความนิยมดังกล่าว ทำให้รายได้ของโรงแรมในช่วงที่ผ่านมาลดลงเนื่องจาก คอนโดเทล กับ โรงแรม ถือเป็นคู่แข่งที่เรียกได้ว่าเกือบจะเป็น "คู่แข่งทางตรง" ทำให้มีกระแสข่าวจาก สมาคมโรงแรม ที่มีการพูดถึงคอนโดเทลว่าเป็น การกระทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.การโรงแรม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เนื่องจากมีการใช้อาคารผิดประเภท ซึ่งคอนโดเทลถือเป็น โรงแรมผิดกฎหมาย และการขยายตัวของโรงแรมผิดกฎหมายประเภทนี้ทำให้เกิดปริมาณห้องพักล้นตลาด (Over Supply) ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรมไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการโรงแรมยังต้องจ่ายภาษีที่มากกว่าคอนโดเทลหรือคอนโดรายวันอีกด้วย ประเด็นทางกฎหมายตรงนี้ แอดมินมองว่าถือเป็นความเสี่ยงหนึ่งที่ผู้ที่จะซื้อคอนโดเพื่อมาปล่อยเช่ารายวันต้องพึงระวังเอาไว้ด้วย
Comments