“ฝันอยากจะมีบ้าน รถ และเงินเก็บ ก่อนอายุ 40” นี่คือสิ่งที่ GEN Y หลายคนคิด
ทว่าเพื่อน ๆ รู้มั้ยครับว่าในตอนนี้ “GEN Y” ที่เป็นกลุ่มวัยทำงานที่เป็นรากฐานและเป็นกำลังสำคัญของประเทศ กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหาหนี้เสียบนบัตรเครดิตสูงที่สุดของประเทศ เหตุเกิดมาจากพฤติกรรมบริโภคนิยม ใช้จ่ายเงินเกินตัว และขาดการตั้งเป้าหมายเรื่องการเงินในระยะยาว
แอดมิน เล็งเห็นว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เลยขออาสามาแชร์สูตรลัดการเก็บเงินทั้ง 3 รูปแบบ คือ “เบา กลาง หนัก” เพื่อชาว Gen Y โดยเฉพาะ
ก็ลองคิดดูสิครับ...ถ้าอายุจะเข้า 40 แล้ว แต่ยังไม่มีตังค์เนี่ย เรื่องใหญ่เลยนะ
#สูตรลัดเก็บเงินแบบชิลล์ๆ
“ออมก่อนใช้...อย่างน้อย 10% ของรายได้ต่อเดือน”
ตามหลักสมการความมั่นคงทางการเงินที่ว่า รายได้ - เงินออม = รายจ่าย
และถ้าเพื่อนๆ ยังไม่รู้ว่า เอ…แล้วเราจะเก็บเงินไว้ที่ไหนดี ขอแนะนำว่า “ฝากไม่ประจำสิ รออะไร” ฟังไม่ผิด...เพราะไม่ใช่บัญชีฝากประจำ นี่เป็นบัญชีฝากไม่ประจำ หรือที่บางคนอาจคนเรียก บัญชีออมทรัพย์พิเศษ จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ อันนี้จัดมาให้สายชิลล์โดยเฉพาะ เพราะจะฝากช่วงไหนของเดือนก็ได้ กี่ครั้งก็ได้ ให้ดอกเบี้ยสูงพอๆ กับฝากประจำ แต่ชิลล์กว่า เพราะถอนได้เหมือนออมทรัพย์ จำเป็นต้องใช้ก็ถอนได้ อันนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับชาว GEN Y เลยครับ ถ้าไม่รู้ว่าที่ไหนดอกเบี้ยสูง search เลยครับ “ฝากไม่ประจำ ถอนได้ ดอกสูง” แล้วก็ตัดสินใจเลือกเอาเลยว่าอยากเลือกฝากกับแบงก์ไหนที่ให้ดอกเบี้ยที่เราพอใจ
#สูตรลัดเก็บเงินแบบสายกลาง
“มีเงินเหลือเก็บได้ง่าย ๆ ด้วยการหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี”
GEN Y ส่วนใหญ่หลายคนเป็นมนุษย์เงินเดือนกันใช่มั้ยล่ะ พอรายได้เรารวมต่อปีเรามากกว่า 310,000 บาท ขึ้นไป (หรือคนที่มีเงินเดือนประมาณ 25,834 บาท ต่อเดือนขึ้นไป) จะต้องเสียภาษีบุคคลตามกฎหมายให้ถูกต้อง แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะมันมีตัวช่วยหลายอย่างเลยที่จะช่วยลดหย่อนภาษีให้เราได้ ทำให้เหลือเงินในกระเป๋าสตางค์เพิ่มขึ้น!
“ลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน SSF หรือกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fun”
วิธีนี้เหมาะกับชาว GEN Y ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว 10 ปี เป็นต้นไป และต้องการผลพลอยได้ในการนำมาใช้ลดหย่อนภาษี (ใช้ลดภาษีได้ 5 ปี) เพราะกองทุน SSF คือ กองทุนน้องใหม่ที่เข้ามาแทนกองทุน LTF ที่เพิ่งยกเลิกไปเมื่อปี 62 ที่ผ่านมานะครับ เพื่อน ๆ สามารถซื้อกองทุน SSF ได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท โดยกองทุน SSF จะต่างกับกองทุน LTF ตรงที่... “เดิมกองทุน LTF เน้นลงทุนในหุ้น ขายคืนได้หลังจากถือครองกองทุนมาแล้วเป็นระยะเวลา 7 ปี”ส่วนกองทุน SSF จะลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภทมากกว่า ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และขายคืนได้หลังจากถือครองไประยะเวลา 10 ปีขึ้นไป
ชาว GEN Y ทั้งหลายที่สนใจก็อย่านะครับว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นศึกษากันให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนนะ
“อีกวิธี! ลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต”
วิธีนี้เหมาะกับชาว GEN Y ที่มีเป้าหมายในการทำประกันอย่างชัดเจน และต้องการผลพลอยได้เป็นการลดหย่อนภาษี เช่น ต้องการเก็บเงินออม ต้องการเป็นทุนการศึกษาให้ลูก หรือต้องการวางแผนเกษียณ เป็นต้น ในกรณีที่วัยทำงานคนไหนอยากจะเก็บเงินออม aomMONEY ก็ขอแนะนำ "การเก็บเงินกับประกันชีวิตแบบออมทรัพย์” เพราะมีการันตีว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่เมื่อส่งเงินครบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ และได้ความคุ้มครองเป็นเงินก้อนไว้ให้คนข้างหลัง กรณีที่ตัวเองเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา ซึ่งก็ถือว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงของเราเพื่อชีวิตที่มั่นคงขึ้น
#สูตรลัดเก็บเงินแบบจัดหนัก
"เก็บเงินก้อนด้วยการลงทุนระยะยาวกับกองทุนหรือหุ้น"
วิธีนี้เหมาะกับชาว GEN Y สายจัดหนักที่หวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ซึ่งสำหรับมือใหม่ในเรื่องการลงทุนนี้ ขอแนะนำว่าให้เลือกใช้วิธี DCA (Dollar Cost Average) หรือการซื้อกองทุนหรือหุ้นเป็นงวดๆ เฉลี่ยงวดละเท่าๆ กัน โดยไม่สนราคาว่าจะถูกหรือแพงครับ แต่สายจัดหนักแบบนี้ก็ต้องระวังความเสี่ยงจากการขาดทุนด้วยนะครับ ซึ่งข้อดีของการ DCA นั้น นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในครั้งเดียว ไม่ต้องใช้เงินก้อน เพราะกองทุนบางที่ก็ซื้อขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท และยังเป็นการสร้างวินัยในการออมที่ดีด้วย
และทั้งหมดนี้ คือ 3 สูตรลัดการเก็บเงินแบบ “เบา-กลาง-หนัก” สำหรับชาว GEN Y ทุกคนที่
แอดมินนำมาฝากกันนะ ทำตามนี้รับรองว่า “เก็บเงินทุกเม็ดได้อยู่หมัดแน่นอน” แม้แต่แอดมิน เองก็เป็นชาว GEN Y เหมือนกัน ก็หวังว่าเพื่อน ๆ ที่อ่านบทความนี้ทุกคน จะนำไปใช้ และมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นนะ
Comments