“ประเทศไทย” เราก็ได้มีการประกาศ “เคอร์ฟิว” เป็นทีเรียบร้อย ซึ่งมีข้อห้ามหลัก ๆ ก็คือห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม – ตี 4 ยกเว้นแค่เพียงคนบางกลุ่มเท่านั้น เช่นบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่มีเวรทำงานตอนกลางคืน แต่ต้องมีใบรับรองให้ถูกต้อง เรียกว่าใครไม่ทำตามเจอทั้งจำทั้งปรับเลย จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับอีกไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งก็มีหลายคนออกมาบ่นเหมือนกันว่า รัฐบาลคิดว่าไวรัสมันหยุดพักนอนหรอไง คิดว่าหยุดแค่กลางคืนมันจะช่วยได้หรอ ซึ่งบอกเลยว่าแอดมินคิดว่าก็ยากเหมือนกันที่จะวัดผลของการประกาศ “เคอร์ฟิว” จริง ๆ ว่าดีไม่ดี เวิร์คไม่เวิร์ค แอดมินก็เลยอยากจะพาไปดูข้อมูลเบื้องต้นกับผลกระทบกันดีกว่า รวมถึงดูด้วยว่าต่างประเทศเค้าประกาศอะไรบ้าง แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มแรกเลยแอดมินอยากพาไปดูต่างประเทศกันก่อนว่าเค้าปิดเมืองอะไรกันยังไง เริ่มจาก
1. สหรัฐอเมริกา
นับว่าเป็นประเทศที่มาแรงแซงทางโค้ง เพราะเนื่องจากว่าเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดท้าย ๆ เลย แต่ปรากฏว่าแป๊บเดียวเท่านั้น ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก จากระบบการปกครองของสหรัฐอเมริกาที่มีการกระจายอำนาจให้ออกกฎหมายเองได้ในแต่ละรัฐทำให้แต่ละพื้นที่มีการประกาศไม่เหมือนกัน
อย่างใน New York จากข้อมูลล่าสุดมีการประกาศเป็น State of Emergency แล้ว หรือหมายความว่าประกาศให้เมืองอยู่ในภาวะฉุกเฉิน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น “เคอร์ฟิว” แบบบ้านเรา แต่ก็มีประกาศเคอร์ฟิวในบางสถานที่ อย่างโรงเรียนมีประกาศให้นักเรียนเรียนออนไลน์แทน และแนะนำให้ผู้คนอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งการประกาศแบบนี้ แอดมินว่าก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละ เป็นแค่เครื่องมือให้รัฐประกาศกฎอย่างอื่นออกมาเพิ่ม หากสถานการณ์เลวร้ายขึ้น พี่ทุยว่าจริง ๆ ก็เหมือนของไทยในช่วงแรกอยู่เหมือนกันนะ อย่างเราแรก ๆ ก็แค่ปิดสถานที่ เช่น ห้าง โรงเรียน เหมือนกันเลย ยังไม่ได้ห้ามออกจากบ้าน แต่พอเหตุการณ์มันแย่ลงก็ค่อยประกาศเพิ่ม เดี๋ยวเรามาดูกันว่า New York จะประกาศเคอร์ฟิวเมื่อไหร่
หรืออย่างในรัฐ Louisiana ที่นับว่าเป็นเมืองแรก ๆ ในอเมริกาเลยที่มีการประกาศเคอร์ฟิวอย่างจริงจัง ซึ่งพี่ทุยคิดว่ามีลักษณะบางอย่างคล้าย ๆ บ้านเราเช่นกัน แต่ของเขาเนี่ยจะทำการแบ่งเป็นหลาย ๆ โซน บางโซนกำหนดห้ามออกจากบ้านตั้งแต่ 3 ทุ่ม – 6 โมงเช้า บางโซน ก็ 2 ทุ่ม – ตี 4 เรียกว่าแล้วแต่เทศบาลพื้นที่นั้นจะจัดการ พี่ทุยคิดว่าบ้านเค้าก็มีลักษณะไม่ต่างจากบ้านเราก็คือห้ามออกเป็นบางช่วงเวลา แต่บ้านเค้าห้ามออกนานกว่าบ้านเรา และข้อดีเลยมีการแบ่งโซนด้วย พี่ทุยคิดว่าจริง ๆ การแบ่งโซนก็ดีเหมือนกันนะ ยืดหยุ่นดี อย่างบางพื้นที่ เกษตรกรอาจจะอยากออกไปเดินดูสวนตั้งแต่เช้าตี 4 และเข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่มแบบนี้แอดมินก็ว่าดีนะที่จะแบ่งเป็นโซนให้แต่ละพื้นที่ดูแลกันเองจะได้ออกกฎให้เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศเลย
2. อิตาลี อังกฤษ และปานามา
ถึงแม้ว่าเค้าจะติดเชื้อกันเยอะมากแต่ก็ยังไม่ได้มีประกาศเคอร์ฟิวนะแต่ใช้ทหารออกมาควบคุมบนถนนแทน หรืออย่างประเทศอังกฤษที่แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะติดเชื้อไปแล้วแต่ก็ไม่ประกาศเคอร์ฟิว แต่เป็นประกาศแนะนำให้อยู่แต่ในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ที่พี่ทุยดูข้อมูลมา จะประกาศแค่ปิดประเทศและห้ามออกจากบ้านตอนกลางคืนเหมือนบ้านเราเลย แต่ก็มีบางส่วนเหมือนกันที่ ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เช่นประเทศปานามา
โดยสรุปแล้วแอดมินคิดว่าประกาศเคอร์ฟิวของไทยก็ไม่ได้มีความต่างกันกับชาติอื่น ๆ ทั่วโลกมากนัก แสดงว่าทั่วโลกก็คงมีความกังวลและความลังเลใจในการเคอร์ฟิวตลอดเวลาไม่ต่างจากเราอย่างแน่นอน หากประกาศให้ปิดตลอด 24 ชั่วโมง อาจทำให้เกิดความวุ่นวายที่ยากจะรับมือได้มากกว่า เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้กักตุนสินค้าและมีคนอีกจำนวนมากที่ยังคงต้องทำงาน พี่ทุยว่าน่าจะวุ่นวายมาก ๆ หลายประเทศจึงหลีกเลี่ยงการปิดตลอดเวลานั่นเอง แต่เชื่อพี่ทุยสิถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจจะมีวันนั้นก็ได้นะ วันที่ห้ามออกจากบ้านตลอดเวลาหน่ะ
และอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความลังเลใจในครั้งนี้ เนื่องจากว่ามีงานศึกษาหลายงานเลยที่บอกว่าจริง ๆ แล้วเคอร์ฟิวอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก อย่างกรณีการเคอร์ฟิวสำหรับวัยรุ่น จริง ๆ แล้วมีเมืองใหญ่ ๆ หลายเมืองเลยที่ห้ามให้วัยรุ่นออกนอกบ้านตอนกลางคืน เพื่อที่จะลดการก่ออาชญากรรม ให้นึกภาพในหนังที่เด็กวัยรุ่นรวมตัวกันไปปล้นร้านสะดวกซื้ออะไรทำนองนั้น แต่ผลปรากฎว่าแม้จะมีเคอร์ฟิวนี้ อาชญากรรมในวัยรุ่นก็ยังสูงอยู่ดีไม่ได้ลดลงเลย นั่นก็เพราะว่าหากใครที่ไม่เคารพกฎยังไงมันก็ไม่เคารพกฎอยู่อย่างนั้นแหละ แต่กลับกลายเป็นว่าไปจำกัดสิทธิ์ของเด็กคนอื่น ๆ ไปด้วย ซึ่งก็อาจจะคล้าย ๆ เรื่อง โควิด-19 นี้อยู่ ที่ว่าหากผู้ที่ติดเชื้อไม่สนใจถึงจะมีเคอร์ฟิว ก็มีโอกาสที่จะออกไปแพร่เชื้อได้อยู่ดี อาจจะนัดกันไปกินสังสรรค์ที่บ้านก็ได้หรือแอบเดินทางลักลอบอยู่ดี ดังนั้นการประกาศเคอร์ฟิว มันก็เหมือนดาบสองคมนั่นแหละ เข้มมากไปก็ใช่ว่าจะได้ผล
เคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากผลในเชิงป้องกันโรคได้หรือไม่ได้แล้วจริง ๆ การเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง มีผลต่อทางเศรษฐกิจมหาศาลเลยนะ อย่างแรกเลยมันจะทำให้เกิดความขาดแคลนของสินค้า แน่นอนว่าถึงแม้คนจะถูกกักตัวอยู่บ้านแต่เค้าก็ยังต้องการน้ำต้องการอาหารอยู่ดี แต่ดันออกไปทำงานไม่ได้ เรียกว่ามีแต่ Demand แต่ไม่สามารถหา Supply มาป้อนให้ได้ และนอกจากนี้ยิ่งปิดนานเท่าไหร่ อุตสาหกรรมก็ยิ่งขาดสายการผลิตนานเท่านั้น
และในตอนนี้ พี่ทุยเชื่อว่ามีหลายคนเลยแหละที่เริ่มจะเบื่อต่อการกักตัวแล้ว เริ่มที่จะสุขภาพจิตเสียกัน แอดมินอยากบอกว่าคนที่เป็นเนี่ยไม่ได้แปลกอะไรหรอก โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการการพูดคุยอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่มีอาการเบื่อหน่ายการอยู่บ้านบอกเลยว่าธรรมชาติสุด ๆ นี่ขนาดเคอร์ฟิว แค่ตอนกลางคืนนะและกลางวันยังพอจะออกไปข้างนอกได้บ้าง ยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิตขนาดนี้ หากเคอร์ฟิวตลอดเวลาพี่ทุยว่ามีประสาทกินกันแน่นอน ฮ่า ๆ
แต่อย่างไรก็ดีไม่ใช่ว่าเคอร์ฟิวจะไม่ได้ผลซะทีเดียว หากดูจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่แล้วก็พบว่ายอดก็เริ่มชะลอลงนะ จากติดวันละเป็นร้อยตอนนี้เริ่มนิ่ง ๆ ต่ำกว่าร้อยแล้ว พี่ทุยว่าจริง ๆ การประกาศเคอร์ฟิว ไม่ว่าจะแค่กลางคืนหรือตลอดทั้งวันเนี่ยมันเปรียบเสมือนเสียงสัญญาณเตือนมากกว่า เตือนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันเริ่มรุนแรงแล้วนะ ถึงเวลาเอาจริงแล้วนะ และที่สำคัญแม้จะแค่ตอนกลางคืนแต่ก็ลดการพบปะกันของผู้คนได้จริง ๆ การค่อย ๆ ยกระดับความรุนแรงและให้คนในสังคมปรับตัวได้ทันเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดีเช่นกัน
โดยสรุปแล้วพี่ทุยคิดว่าการประกาศเคอร์ฟิวช่วงตอนกลางคืน ถึงหลาย ๆ คนจะบ่นว่าเชื้อโรคไม่ได้หยุดพัก แต่พี่ทุยก็คิดว่าได้ผลอยู่ระดับหนึ่งเนื่องจากเป็นเหมือนการประกาศเตือนให้ผู้คนเริ่มระวังตัวอย่างจริงจังเลย และช่วยลดการพบปะของผู้คนได้ระดับหนึ่ง ซึ่งหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็มีการทำกันในลักษณะนี้เช่นกัน บางประเทศที่ติดเชื้อเยอะกว่าเรายังไม่ประกาศเคอร์ฟิวเลยด้วยซ้ำ เพราะจริง ๆ แล้วการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง อาจจะส่งผลเสียเยอะกว่าที่คาดไว้มากนัก เช่นผลต่อเศรษฐกิจที่ทำให้การทำงานทุกอย่างหยุดชะงัก และผลต่อสุขภาพจิตที่แค่ตอนนี้คนก็เริ่มที่จะอึดอัดกันเสียแล้ว สุดท้ายพี่ทุยอยากจะแนะนำว่าจริง ๆ แล้วจะเคอร์ฟิวหรือไม่ เราก็ต้องรู้จักป้องกันตนเองจากโรคนี้ ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น แค่นี้ก็ช่วยสังคม ประเทศและคนที่เรารักได้อย่างแน่นอน
Comments