บ้านเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมั่นคงและความอบอุ่น เห็นได้จากผู้ที่กำลังสร้างฐานะก็ต้องมีการวางแผนเรื่องบ้านว่าอยากจะซื้อบ้านแบบไหน ตกแต่งอย่างไร ในบ้านจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรบ้าง ฯลฯ หากเป็นคู่รักที่กำลังจะแต่งงานก็จะต้องช่วยกันเลือกเพื่อให้ถูกใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยมองไปถึงอนาคตว่าถ้ามีลูกจะต้องขยายบ้านยังไง รวมถึงวางแผนซื้อรถยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางไปที่ต่างๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราวางแผนสร้างหนี้จากการซื้อบ้านกับรถยนต์นั้น ก็เพื่อให้คนในครอบครัวมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับความสะดวกสบาย แต่ชีวิตมีความไม่แน่นอน แม้ว่าเราจะวางแผนมาอย่างดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ว่าจะเป็นไปตามแผนได้ 100% เพราะมีปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ปะปนอยู่ด้วย ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือ การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด
ภาระหนี้บ้านและรถยนต์นั้นเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาการผ่อนค่อนข้างนาน โดยประมาณ 5-30 ปี บางครอบครัวมีคุณพ่อเป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายส่วนนี้แต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่บางครอบครัวคุณพ่อและคุณแม่ช่วยกันรับผิดชอบ หากเป็นไปตามแผนการชำระหนี้ที่วางไว้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเสาหลักของครอบครัวเกิดเหตุถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการถาวรล่ะ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับหนี้สินกองโตที่ยังผ่อนไม่หมด!
เรื่องนี้อาจจะจบลงแบบดราม่าที่ภาระหนี้สินจะตกอยู่กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องดิ้นรนหาเงินมาชำระหนี้หรือถ้าเป็นขั้นเลวร้ายอาจจะต้องปล่อยให้บ้านหรือรถยนต์ถูกยึดขายทอดตลาดจากสาเหตุผ่อนชำระต่อไม่ไหว เราเลือกได้ว่าจะให้เรื่องนี้จบลงอย่างไรถ้าหากมีการวางแผนฉุกเฉินที่ดีตั้งแต่ต้นด้วย “การทำประกันที่ให้ความคุ้มครองสินเชื่อ”
หลายครั้งที่ได้ยินคำว่า “ทำประกัน” ก็จะตามมาด้วยเรื่องราวซับซ้อน เข้าใจยากต่างๆนานา ซึ่งเราควรแยกให้ออกระหว่างช่องทางการขายกับผลิตภัณฑ์ของประกันว่ามีเป้าหมายแตกต่างกัน หากเข้าใจไอเดียหลักของผลิตภันฑ์ประกันว่าเป็น “การให้ความคุ้มครอง” เราก็จะใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อประกันได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างทางเลือกที่ 1 ผ่อนบ้านโดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยง
หากกู้เงินซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนจ่ายหนี้บ้านที่ต่างกันระหว่าง 15 ปีและ 20 ปี ก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน คือ
ผ่อนชำระ 15 ปี จะประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายไปได้เกือบล้าน แต่ผ่อนชำระเงินกู้ต่อเดือนสูงกว่า 20 ปี
ผ่อนชำระ 20 ปี ผ่อนชำระเงินกู้ต่อเดือนต่ำกว่า แต่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า การผ่อนชำระแบบ 15 ปี
ปัญหาที่จะเกิดขึ้น หากในช่วงที่ผ่อนชำระหนี้มาได้ 5 ปี แล้วผู้ผ่อนบ้านเกิดจากไปหรือพิการจนไม่สามารถทำงานได้ ใครจะรับภาระหนี้ก้อนที่เหลืออีกเป็นล้าน!?
ตัวอย่างทางเลือกที่ 2 ผ่อนบ้านโดยมีการทำประกันที่ให้ความคุ้มครองความเสี่ยง
การไปกู้เงินซื้อบ้านที่ธนาคาร โดยปกติธนาคารอาจจะเสนอให้กู้พร้อมกับทำประกันสินเชื่อบ้าน เพื่อเป็นการคุ้มครองสินเชื่อ หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Mortgage Reducing Term Assurance (MRTA) หรือ“ประกันคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย” ซึ่งจะเป็นการจ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว โดยคำนวณจากอายุ เพศและระยะเวลาการผ่อนชำระของผู้ทำประกัน
แม้ว่ามูลค่ารวมทั้งหมดจากการผ่อนบ้านจะมีมากขึ้น แต่เราก็สามารถมั่นใจในระดับหนึ่งได้ว่าหากเกิดเหตุทำให้เสียชีวิตหรือพิการจนไปทำงานไม่ได้ ก็ยังได้รับการประกันหนี้บ้านส่วนที่เหลือที่บริษัทประกันจะรับผิดชอบทั้งหมด โดยไม่เป็นภาระให้คนข้างหลัง
แต่ว่า...รู้หรือไหมว่า
การทำประกันสินเชื่อบ้านนั้นจะทำกับธนาคารหรือกับบริษัทประกันโดยตรงก็ได้
ถ้ามีทางเลือกที่เราจ่ายเบี้ยประกันถูกกว่านี้ล่ะ มันจะดีกว่าไหมจ๊ะ?
หากซื้อ “กรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน สำหรับบ้าน“กับบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิตผ่าน www.oceanlifeonline.com จะชำระเบี้ยถูกกว่าถึง 30% (ถูกกว่าสูงสุดถึง 50%*) ดังนี้
ตารางข้างต้นเป็นตัวอย่างของผู้ทำประกันเพศชาย อายุ 35 ปีก็จะชำระเบี้ยถูกลง 30% (สูงสุด 50%*)
ผ่อนชำระ 15 ปี จะชำระเบี้ยประกันครั้งเดียว
ซื้อกับธนาคารจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับ 261,700 บาท
ซื้อกับบริษัทประกันจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับ 180,050 บาท
ถูกลง 81,650 บาท
ผ่อนชำระ 20 ปี จะชำระเบี้ยประกันครั้งเดียว
ซื้อกับธนาคารจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับ 409,300 บาท
ซื้อกับบริษัทประกันจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับ 273,950 บาท
ถูกลง 135,350 บาท
จากทางเลือกที่นำประกันที่ให้ความคุ้มครองสินเชื่อมาให้ความคุ้มครองภาระหนี้สินแทนเรานั้นน่าสนใจใช่ไหมคะ ตอนนี้เราก็มาทำความรู้จักกับประกันชนิดนี้กันเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงว่ามันมีประโยชน์อะไร จุดเด่นและความคุ้มครองที่ได้รับนั้นมีไรบ้าง
ชื่อ : กรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน สำหรับบ้าน
จุดเด่นและความคุ้มครองที่ได้รับ
เบี้ยประกันภัยมีราคาถูกกว่า 30%(ถูกกว่าสูงสุดถึง 50%*) เมื่อซื้อโดยตรงกับไทยสมุทร
จำนวนเงินเอาประกันภัยลดลงสอดคล้องกับภาระหนี้สิน
คุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิต และทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร
ระยะเวลาเอาประกันภัยตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี*
*ขึ้นอยู่กับแบบประกัน ระยะเวลาการคุ้มครอง อายุ และเพศของผู้เอาประกัน
*การลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด
เงื่อนไขการรับประกันภัย
*หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
กรณีเสียชีวิตบริษัทฯ จ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ หรือเบี้ยประกันภัยที่ชำระแล้ว แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า กรณีจำนวนเงินเอาประกันภัยเหลืออยู่ บริษัทจะจ่ายให้แก่ผู้รับผลประโยชน์รองตามที่ผู้เอาประกันภัยได้ระบุไว้
ตัวอย่างความคุ้มครอง
นายบุญ รักษา อายุ 35 ปี ซื้อบ้านมูลค่า 5,000,000 บาท และซื้อกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน สำหรับบ้าน จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000,000 บาท ระยะเวลาเอาประกันภัย 20 ปี จ่ายเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว 273,950 บาท หากนายบุญ รักษา เสียชีวิตลง บริษัทฯ จะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย ตามตัวอย่างตารางดังนี้
การที่เราทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความมั่นคงและมีความสุขจากทรัพย์สินต่างๆที่เราสร้างขึ้นด้วยความพากเพียรนั้น มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากเรารักษาและปกป้องสิ่งนั้นไว้ไม่ได้ การวางแผนทำประกันที่ให้ความคุ้มครองสินเชื่อเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เรานั้นอุ่นใจได้ว่าหนี้ก้อนนี้จะไม่ทำความเดือดร้อนให้คนที่เรารักในอนาคต
Comments