top of page
รูปภาพนักเขียนinvestcorner1

“ทองคำราคาพุ่ง” 4 สิ่งควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อขายเก็งกำไร



ในช่วงนี้ เพื่อนๆ น่าจะเห็นข่าว “ราคาทองคำ” มีการดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงและต่อเนื่องเลย ที่สำคัญทำสถิติราคาสูงสุดในรอบ 7 ปี ด้วยสาเหตุมาจากธนาคารกลางใหญ่ของโลก มีแนวโน้มที่จะปรับดอกเบี้ยลงส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าเข้าไปลงทุนในหุ้น และหันมาเลือกลงทุนในทองคำแทน เพื่อหวังทำกำไรในระยะสั้น


อีกทั้งยังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ “COVID -19” หรือ ไวรัสโคโรน่าที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างทั่วโลก คนก็เลยหันมาเลือกลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


และถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่ซื้อทองคำแท่งช่วงต้นเดือนมกราคมที่ราคาทองประมาณบาทละ 22,000 หากขายตอนนี้จะได้ราคา 24,700 บาท ทำกำไรส่วนต่างถึง 2,700 บาท ภายในเดือนเดียวเลยครับ น่าสนใจจนอยากจะกำเงินไปซื้อตอนนี้เลยใช่ไหมครับ


แต่ช้าก่อนครับ…. สำหรับใครที่ยังไม่เคยลงทุนในทองคำมาก่อน แอดมินอยากให้ศึกษาเรื่องทองคำกันให้ดีๆ ก่อนกับ 4 สิ่งควรรู้ที่ควรรู้เกี่ยวกับทองคำ ก่อนตัดสินใจซื้อขายเก็งกำไรครับ


 1.การเลือกลงทุนใน “ทองคำแท่ง”

การซื้อทองคำแท่งไม่ยากเลยครับ มีเงินก็เดินไปซื้อที่ร้านทองได้เลย ข้อดี คือ ทองคำแท่งจะมีราคาที่ถูกกว่าทองรูปพรรณในน้ำหนักที่เท่ากัน เนื่องจากจะไม่เสียค่ากำเหน็จ และราคาซื้อกับราคาขายจะต่างกันไม่มาก


ตัวอย่างราคาทองวันนี้ ราคาขายบาทละ 24,800 และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,700 จะเห็นได้ว่ามีส่วนต่างราคากันแค่ 100 บาทเท่านั้นครับ


แต่การเก็บรักษาก็อาจจะมีความยุ่งยากสักหน่อยครับ เพราะต้องมีต้นทุนค่าเก็บรักษา เช่น ถ้าเพื่อนๆ มีทองคำแท่งมากๆ อาจจะต้องนำไปฝากกับตู้นิรภัยของธนาคาร ก็จะเจอค่าธรรมเนียมจากการเก็บรักษาครับ และถ้าหากไม่อยากเสีย “ค่าบล็อก” ก็ต้องซื้อทองคำแท่งขนาด 5 บาทขึ้นไปครับ หมายความว่า ก็ต้องใช้เงินก้อนประมาณนึงเลยครับ


3.การเลือกลงทุนใน “ทองคำรูปพรรณ”

“ทองคำรูปพรรณ” ก็คือทองที่เขานำมาขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ สร้อยคอ แหวน กำไร วิธีการจะเหมือนกับทองคำแท่งที่มีเงินก็เดินไปซื้อได้เลย ข้อดี คือ สามารถนำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับในโอกาสต่าง ๆ แต่ทองคำรูปพรรณจะมีการเก็บค่ากำเหน็จ ทำให้ราคาซื้อจะสูงกว่าทองคำแท่งครับ


ตัวอย่าง ราคาทองรูปพรรณวันนี้ขายบาทละ 25,000 และรับซื้อคืนบาทละ 24,256 ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาซื้อ-ขายจะต่างกันอยู่ถึง 1,044 บาทเลยทีเดียว


และที่สำคัญราคาอาจตกลงด้วย เมื่อนำมาขายคืน แล้วพบว่าทองมีร่องรอยการถูกใช้งาน หรือเรานำไปขายคืนคนละร้านที่ซื้อมา เพราะฉะนั้น แอดมิน มองว่าถ้าจะเก็บสะสมทองคำรูปพรรณไปสะสมทองคำแท่งน่าจะเวิร์คกว่าครับ ในกรณีที่ไม่ได้อยากได้ทองมาใช้เป็นครื่องประดับนะ


 3.การเลือกลงทุนใน “กองทุนรวมทองคำ”

นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากลงทุนในทองคำครับ เป็นการนำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในทอง ข้อดี คือ เราสามารถใช้กองทุนทองคำเป็นที่พักเงิน เพื่อเลี่ยงความผันผวนของเศรษฐกิจ ได้ครับ เพราะราคาทองคำจะไม่เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ และเงินเริ่มต้นที่ใช้ในการเข้าลงทุนไม่ได้สูงมาก มีเงินน้อยกว่า 10,000 บาท ก็สามารถเริ่มลงทุนกับกองทุนประเภทนี้ได้


และวิธีการก็เหมือนกันซื้อกองทุนทั่วไปเลย แค่เปิดบัญชี เราก็สามารถซื้อขายได้จากที่บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในการไปซื้อ มีผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ประสบการณ์ในการนำเงินเราไปลงทุนต่อ


แต่กองทุนทองคำเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในทรัพย์สินทางเลือกที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 8 (ซึ่งถือว่าเสี่ยงสูง) ดังนั้นการที่จะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเฉพาะทางที่ค่อนข้างเยอะครับ เพราะมีความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงิน เนื่องจากกองทุนรวมทองคำของไทย ส่วนมากจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมของต่างประเทศครับผม


และวิธีสุดท้าย 4.การเลือกลงทุนด้วย “การออมทอง”

การออมทอง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง เหมาะกับคนที่ไม่มีเงินถุงเงินถังครับ วิธีง่ายๆ เลย คือ เราไปเปิดบัญชีไว้กับร้านทอง แล้วค่อยทยอยนำเงินฝากเข้าไป ร้านทองจะนำเงินฝากของเรา เพื่อไปซื้อทองคำแท่งสะสมเป็นน้ำหนักไว้ สะสมครบ 1 บาท ก็สามารถไปรับทองได้ครับ บางที่เริ่มต้นฝากที่ 1,000 บาท/เดือน เอง


ข้อดี คือ เริ่มลงทุนด้วยเงินไม่เยอะ ค่อยๆ สะสมได้ครับ แต่การใช้วิธีทยอยสะสมแบบนี้ ราคาทองในแต่ละรอบก็สวิงไปเรื่อยๆ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการเก็บทองแทนการเก็บเงินมากกว่าคนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะสั้นครับ


และนี่คือ 4 สิ่งควรรู้ที่ควรรู้เกี่ยวกับทองคำ ก่อนตัดสินใจซื้อขายเก็งกำไร ที่ แอดมินนำมาฝากเพื่อนๆ กันครับ การลงทุนทองคำ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง และช่วยลดความเสี่ยงต่อวิกฤตเงินเฟ้อให้กับเราได้ครับ


ถ้ายังนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงประเทศเวเนซุเอลาที่มีวิกฤติเงินเฟ้อเพียงชั่วข้ามคืน มูลค่าเงินก็ลดลงทำให้เงินที่มีอยู่ ไม่มีค่าเพียงพอสำหรับซื้อสินค้าที่เราเคยซื้อได้ การทองคำเก็บไว้ เรายังสามารถนำออกมาขายในราคาตลาดตอนนั้นได้


 คำแนะนำ

“ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนตัดสินใจที่จะลงทุน” ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านไหนก็แล้วแต่ ควรศึกษาให้เข้าใจครับ ไม่ใช่เห็นกระแสใครลงทุนแล้วดีแล้วรวยก็วิ่งตามเขา อาจจะกลายเป็นว่าเราเข้าผิดจังหวะผิดช่วงเวลา อาจจะขาดทุนจนกุมขมับเลยก็ได้นะครับ


ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page