คุณอาจจะเคยได้ยินว่าการเทรดอย่างมีวินัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ คำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วหรือยัง ทางหนึ่งก็คือต้องมีกลยุทธ์เทคนิคการเทรดสักหนึ่งกลยุทธ์ให้คุณยึดตามได้ตลอดเวลา ซึ่งกลยุทธ์เทคนิคการเทรดดังกล่าวจะต้องสมเหตุสมผลและมีการทดสอบกับข้อมูลย้อนหลังแล้ว (backtesting) คุณถึงจะมั่นใจได้ว่ากลยุทธ์เทคนิคการเทรดดังกล่าวเป็นกลยุทธ์เทคนิคเทรด Forex ที่ได้ผลจริง เมื่อมีความมั่นใจในกลยุทธ์เทคนิคการเทรดแล้วก็จะทำให้คุณปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในกลยุทธ์เทคนิคการเทรดนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่การเทรดอย่างมีวินัยนั่นเอง
มีหลายครั้งที่กลยุทธ์ Forex ถูกนำมากล่าวถึง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดถึงแค่เฉพาะวิธีการเทรดอันใดอันหนึ่งซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวของแผนการเทรดทั้งหมด กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยสัญญาณการเข้าเทรดที่จะทำกำไรได้ให้เราเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาประกอบกันไปด้วย ได้แก่
การกำหนดขนาดของสถานะสัญญาซื้อขาย (Position Sizing)
การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
วิธีการออกจากเทรด
กลยุทธ์ Forex และ CFD ที่ดีที่สุดแห่งปี 2020
หากจะให้บอกว่ากลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ไหนที่ดีและทำกำไรได้มากที่สุด คงจะไม่ได้มีแค่กลยุทธ์ไหนเพียงกลยุทธ์เดียวที่จะตอบโจทย์นี้ได้ เพราะว่ากลยุทธ์ Forex แต่ละกลยุทธ์ก็จะเหมาะกับแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องคำนึงถึงลักษณะนิสัยของคุณเสียก่อนจึงค่อยมองหาว่ากลยุทธ์ Forex ตัวไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด บางอย่างอาจจะได้ผลดีกับบางคนแต่อาจจะเป็นหายนะสำหรับคุณก็เป็นได้
ในทางกลับกัน กลยุทธ์ Forex ที่หลาย ๆ คนบอกว่าไม่ดีอาจกลับกลายเป็นว่าเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับคุณที่สุดก็ได้เช่นกัน ดังนั้นการทดสอบใช้งานกลยุทธ์ Forex จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยให้การค้นหากลยุทธ์เทคนิคการเทรดที่ได้ผลสำหรับคุณมากที่สุด และยังช่วยตัดกลยุทธ์ Forex ที่ไม่ได้ผลสำหรับคุณออกไปด้วย ตัวแปรหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นหลักเลยก็คือกรอบระยะเวลาในสไตล์การเทรดของคุณ
MetaTrader Supreme Edition - Admiral Markets
รู้หรือไม่ว่าที่ Admiral Markets เรามี MetaTrader เวอร์ชั่นอัพเกรดที่จะยกระดับความสามารถในการเทรดของคุณให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น วันนี้คุณสามารถเทรดด้วย MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 ในเวอร์ชั่นขั้นสูงซึ่งมีฟีเจอร์การใช้งานเพิ่มเติมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเมทริกซ์สหสัมพันธ์ (correlation metrix) ซึ่งทำให้คุณสามารถดูและเปรียบเทียบคู่สกุลเงินต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ และวิดเจ็ต Mini Trader ที่ให้คุณทำการซื้อและขายได้ในหน้าต่างย่อยในขณะที่ยังสามารถทำงานอื่น ๆ ที่จำเป็นไปได้พร้อม ๆ กัน
ดาวน์โหลดไปใช้งานฟรีได้เลยวันนี้เพียงคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง
สไตล์การเทรดนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน (ซึ่งจะกล่าวต่อไปในบทความนี้) โดยมีตั้งแต่กรอบเวลาระยะสั้นไปจนถึงกรอบเวลาระยะยาว ซึ่งมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา และยังเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่ดีที่สุดแห่งปี 2020 อีกด้วย เทรดเดอร์ Forex ที่ดีจะต้องมีความเข้าใจในสไตล์และกลยุทธ์แบบต่าง ๆ เมื่อจะหาวิธีการเทรด Forex ที่ได้ผลและประสบความสำเร็จให้กับตัวเอง ด้วยความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวนี้เท่านั้น จึงจะสามารถเลือกสไตล์และกลยุทธ์เทคนิคการเทรดที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดและเหมาะกับภาวะตลาดปัจจุบัน
การเทรดแบบ Scalping - เป็นการเทรดแบบทำกำไรในระยะสั้น ๆ ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เทรดเดอร์ที่เทรดแบบ Scalping จะรีบปิดออเดอร์เพื่อให้ได้ค่าสเปรด bid/offer ที่ต่ำ และช้อนเอากำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลยุทธ์นี้มักจะใช้ Tick chart ซึ่งมีให้ใช้งานใน MetaTrader 4 Supreme Edition ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มเทรดนี้ยังมีอินดิเคเตอร์ Forex อันเยี่ยมยอดสำหรับการเทรดแบบ Scalping ให้เลือกใช้งานอีกหลายตัวด้วย กลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบ Forex-1 นาที ก็นับเป็นตัวอย่างของการเทรดในสไตล์นี้ด้วยเช่นกัน
การเทรดแบบ Day trading - เป็นการเทรดที่เทรดเดอร์จะปิดออเดอร์และออกจากการเทรดก่อนที่จะหมดเวลาทำการเทรดของวัน การเทรดสไตล์นี้จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของตลาดในชั่วข้ามคืน กลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบ Day trading นั้นถือเป็นกลยุทธ์ Forex ที่ดีมากสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ โดยอาจทำการเทรดในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง และตั้งค่าแท่งกราฟราคาเป็นแบบ 1 หรือ 2 นาที กลยุทธ์ Forex แบบ 50-pips ต่อวันเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งของกลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบ Day trading
การเทรดแบบ Swing trading - เป็นการเทรดที่มีการเปิดสถานะค้างไว้หลาย ๆ วัน โดยที่เทรดเดอร์ตั้งเป้าที่จะทำกำไรจากรูปแบบราคาระยะสั้น เทรดเดอร์ที่เทรดแบบ Swing trading มักจะดูแท่งกราฟราคาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงหรือทุกชั่วโมง
การเทรดแบบ Positional trading - เป็นการเทรดตามเทรนด์ในระยะยาว โดยตั้งเป้าที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาครั้งใหญ่ เทรดเดอร์ที่เลือกลงทุนในระยะยาวมักจะดูที่ราคาปิดในกราฟราคารายวัน กลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบ Positional trading ที่ดีจะต้องอาศัยความอดทนและวินัยในการเทรดจากเทรดเดอร์เป็นสำคัญ นอกจากนี้ตัวเทรดเดอร์เองยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของตลาดมากพอด้วย
กลยุทธ์ Forex แบบทำกำไร 50-Pips ต่อวัน
กลยุทธ์นี้จะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเปิดตลาดใหม่ ๆ ของคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายสูง อย่างเช่นคู่สกุลเงิน GBPUSD และ EURUSD เป็นคู่สุกลเงินที่เหมาะกับกลยุทธ์ Forex นี้เป็นที่สุด หลังจากจบแท่งเทียน 7am GMT เทรดเดอร์จะเปิดคำสั่งไว้ 2 คำสั่งและเปิดคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าแบบตรงกันข้ามอีก 2 คำสั่ง เมื่อหนึ่งในนั้นถูกดำเนินการจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้น คำสั่งอื่น ๆ ที่เปิดไว้ก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ
เป้าหมายกำไรจะถูกตั้งไว้ที่ 50 pips และคำสั่งหยุดขาดทุนจะถูกไว้ในช่วงระหว่าง 5 ถึง 10 pips ในระดับเหนือกว่าหรือต่ำกว่าแท่งเทียน 7am GMT หลังจากที่เริ่มก่อตัว การทำเช่นนี้จะช่วยในการบริหารความเสี่ยงได้ เมื่อมีการตั้งเงื่อนไขดังกล่าวไว้แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะดำเนินไปในทิศทางใด การเทรดทั้งแบบ Day trading และ Scalping ต่างก็เป็นกลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบระยะสั้น ซึ่งสิ่งที่ต้องพึงระวังไว้ก็คือการเทรดแบบระยะสั้นนั้นมีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผล
กลยุทธ์ Forex แบบเทรดรายวัน
เทรดเดอร์ Forex ที่ดีจะเชื่อข้อมูลกราฟรายวันมากกว่ากลยุทธ์การเทรดที่กรอบระยะเวลาสั้นกว่า หากเปรียบเทียบกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex 1-ชั่วโมง หรือแม้แต่กรอบระยะเวลาที่สั้นกว่า กับกราฟรายวัน จะเห็นว่ามีสัญญาณรบกวนของตลาด (market noise) น้อยกว่าในกราฟรายวัน โดยกราฟในลักษณะนี้ที่มีสัญญาณรบกวนของตลาดน้อยอาจทำให้คุณทำกำไรได้ถึงกว่า 100-pups ต่อวันเลยทีเดียวในกรอบเวลาระยะยาวขึ้น
สัญญาณการเทรดที่ได้ก็มีความน่าเชื่อถือมากกว่าและยังมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้มากกว่ามากด้วย ซึ่งในการเทรดแบบนี้ เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องไปกังวลในเรื่องของข่าวประจำวันหรือการผันผวนของราคาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างวัน โดยวิธีการเทรดวิธีนี้จะมีหลักการ 3 ประการด้วยกัน คือ
ระบุเทรนด์ให้ได้: ตลาดจะมีการโน้มเอียงไปในทางใดทางหนึ่งและจะแข็งแรงขึ้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ หลักสำคัญประการแรกของการเทรดในสไตล์นี้ก็คือต้องหาการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เกิดขึ้นค่อนข้างมากในตลาด Forex ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะสามารถระบุเทรนด์ของตลาด Forex ได้ก็คือต้องศึกษาข้อมูลตลาด Forex 180 period ขั้นตอนต่อไปก็คือระบุ Swing high และ Swing low เมื่อมีข้อมูลของราคาดังกล่าวแล้วและเอามาปรับใช้ในกราฟราคาปัจจุบัน ก็จะทำให้สามารถระบุทิศทางของตลาดได้
ต้องโฟกัสอยู่ตลอด: ในจุดนี้คือต้องมีความอดทน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเอาชนะความต้องการที่อยากจะเข้าตลาดเดี๋ยวนั้นทันทีไปได้ เพราะการเทรดที่ดีให้ได้กำไรจะต้องรู้ว่าตอนไหนควรรอและเก็บเงินทุนเอาไว้สำหรับโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่า
ใช้เลเวอเรจต่ำและกำหนดจุดหยุดขาดทุนให้กว้าง: ควรระวังการแกว่งตัวของราคาอย่างรุนแรงในระหว่างวัน เลือกใช้จุดหยุดขาดทุนที่กว้างไว้จะดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คุณเอาเงินลงทุนไปเสี่ยงเป็นจำนวนมากตามไปด้วย
แม้ว่าจะมีคำแนะนำในเรื่องของกลยุทธ์เทคนิคการเทรดมากมายสำหรับเทรดเดอร์ FX มืออาชีพ แต่กลยุทธ์ Forex ที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีการฝึกฝนจนชำนาญแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์เทคนิคการเทรดอื่น ๆ ที่คุณอาจนำไปลองใช้ได้
กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex แบบ 1-ชั่วโมง
ในที่นี้คุณจะใช้ประโยชน์จากกรอบระยะเวลา 60-นาที ซึ่งคู่สกุลเงินที่จะเทรดด้วยกลยุทธ์นี้ได้ง่ายที่สุด ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ AUD/USD โดยจะต้องใช้อินดิเคเตอร์ 100-pips momentum และ indicator arrow ซึ่งจะพบได้ใน MetaTrader 4
หลักเกณฑ์ในการเทรด Buy:
คุณจะสามารถเข้าเทรดสถานะ long (ซื้อ) ได้ก็ต่อเมื่อตรงตามหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
อินดิเคเตอร์ 100-pips momentum ส่งสัญญาณซื้อ (Buy) เมื่อเส้นสีน้ำเงินทะลุผ่านเส้นสีแดงขึ้นไปจากด้านล่าง
Indicator arrow ส่งสัญญาณลูกศรสีเขียว
ในกรณีนี้ คุณอาจจะวางจุดหยุดขาดทุนไว้ต่ำกว่าเส้นอินดิเคเตอร์สีแดงหรือเส้นแนวรับล่าสุด คุณอาจจะปิดคำสั่งเทรดหลังจากทำกำไรได้ 30-pips หรือจะช้อนเอากำไรเมื่อ indicator arrow ส่งสัญญาณลูกศรสีแดงก็ได้
หลักเกณฑ์ในการเทรด Sell:
คุณจะสามารถเข้าเทรดสถานะ short (ขาย) ได้ก็ต่อเมื่อตรงตามหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
อินดิเคเตอร์ 100-pips momentum ส่งสัญญาณขาย (Sell) เมื่อเส้นสีน้ำเงินทะลุเส้นสีแดงลงไปจากด้านบน
Indicator arrow ส่งสัญญาณลูกศรสีแดง
ให้วางจุดหยุดขาดทุนไว้เหนือเส้นอินดิเคเตอร์สีแดงหรือเส้นแนวต้านล่าสุด ปิดคำสั่งเทรดหลังจากทำกำไรได้ 30-pips หรือเมื่อ indicator arrow ส่งสัญญาณลูกศรสีเขียว
กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex แบบรายสัปดาห์
แม้ว่าเทรดเดอร์ Forex หลาย ๆ คนชอบที่จะเทรดในระหว่างวันมากกว่าเนื่องจากความผันผวนของตลาดเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในกรอบระยะเวลาที่แคบลงได้ แต่กลยุทธ์การเทรด Forex แบบรายสัปดาห์นั้นมีความยืดหยุ่นและมั่นคงกว่า กราฟแท่งเทียนแบบรายสัปดาห์จะให้ข้อมูลตลาดที่ละเอียดยิ่งขึ้น โดยจะประกอบไปด้วยแท่งเทียนรายวัน 5 แท่ง และการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดตามจริง กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex แบบรายสัปดาห์จะใช้ขนาดสถานะที่ค่อนข้างต่ำเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป
สำหรับกลยุทธ์นี้เราจะใช้อินดิเคเตอร์เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Moving Average หรือ EMA) แท่งเทียนรายวันของวันสุดท้ายของสัปดาห์ก่อนหน้าจะต้องปิดที่ระดับเหนือค่า EMA ทีนี้เราก็ต้องคอยจับตาดูตอนที่ราคาทะลุระดับราคาสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า จากนั้นก็วางคำสั่ง Buy stop ที่จบแท่งเทียน H4 ณ ระดับราคาใหม่ที่ทะลุระดับราคาสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้าไปแล้ว
ส่วนจุดหยุดขาดทุนจะต้องถูกตั้งไว้ใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดที่ใกล้ที่สุด ราว ๆ 50 ถึง 105 pips ค่าสูงสุดก่อนหน้าจะถูกนำมาคำนวณเมื่อระดับต่ำสุดที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เกือบ ๆ 50 pips ในที่นี้ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงของราคาในสัปดาห์ก่อนหน้าจะถูกนำมาคิดเป็นขอบเขตของกำไร
หน้าที่ของการเทรดด้วยพฤติกรรมราคา (Price Action) ในกลยุทธ์ Forex
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นจะถูกนำมาใช้ในแง่ไหนบ้างก็แตกต่างกันไปแล้วแต่เทรดเดอร์แต่ละคน และในขณะเดียวกันกลยุทธ์ Forex จะดีหรือไม่ดีก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะถือเป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิค เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การเทรดค่าสกุลเงินทางเทคนิคแล้วก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สไตล์หลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ เทรดแบบตามเทรนด์ และเทรดแบบตรงข้ามเทรนด์ โดยทั้งสองกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex นี้ต่างก็มุ่งทำกำไรด้วยการใช้พฤติกรรมราคาเป็นหลัก
ถ้าจะให้พูดถึงพฤติกรรมราคาแล้ว หลักการสำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแนวรับและแนวต้าน หรือจะให้พูดง่าย ๆ เลยก็คือแนวโน้มของตลาดที่จะมีการกลับตัวของราคาจากจุดต่ำสุดก่อนหน้าและจุดสูงสุดก่อนหน้า แนวรับคือแนวโน้มของตลาดที่จะพุ่งสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า ส่วนแนวต้านก็คือแนวโน้มของตลาดที่จะตกลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้า โดยแนวรับและแนวต้านเกิดขึ้นจากนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ทิศทางของราคาว่าจะเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้า
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตลาดเข้าใกล้จุดต่ำสุดก่อนหน้า พูดง่าย ๆ เลยก็คือผู้ซื้อจะเข้ากว้านซื้อส่วนที่คิดว่าราคาถูก แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตลาดเข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้า ก็คือผู้ขายจะเทขายส่วนที่คิดว่าราคาแพงหรือในจุดที่คิดว่าเหมาะกับการช้อนทำกำไร ดังนั้นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้าจึงเป็นเหมือนหน่วยมาตรฐานในการประเมินราคาปัจจุบัน
ระดับแนวรับและแนวต้านที่สามารถคาดการณ์ทิศทางตลาดได้นั้นเกิดขึ้นจริงตามทฤษฎี เนื่องจากนักลงทุนในตลาดจะคอยจนกว่าจะเกิดพฤติกรรมราคารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งขึ้นในระดับแนวรับและแนวต้านเพื่อทำการเทรดตามนั้น ส่งผลให้ตลาดดำเนินไปในทิศทางที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้นั่นเอง
แต่ก็มีข้อพึงระวัง 3 ประการที่ไม่ควรมองข้าม ดังนี้
ระดับแนวรับและแนวต้านไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัว แต่เป็นเพียงแค่ผลลัพธ์โดยทั่วไปที่มักจะเกิดจากพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาด
ระบบการเทรดแบบตามเทรนด์จะเน้นทำกำไรในช่วงที่เลยช่วงเวลาที่เกิดแนวรับและแนวต้านไปแล้ว
สไตล์การเทรดแบบตรงข้ามเทรนด์จะตรงข้ามกับการเทรดแบบตามเทรนด์ คือจะขายเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ และซื้อเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่
กลยุทธ์ Forex แบบเทรดตามเทรนด์
บางครั้งทิศทางของตลาดก็อาจเกิดขึ้นแบบเกินคาด คืออาจจะเปลี่ยนแปลงโดยลงไปต่ำกว่าแนวรับหรือขึ้นไปสูงกว่าแนวต้านจนเกิดเป็นเทรนด์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเมื่อเลยช่วงเวลาที่เกิดแนวรับไปแล้ว และราคาปรับตัวไปที่จุดต่ำสุดใหม่ ผู้ซื้อก็จะเริ่มหยุดซื้อ เนื่องจากเห็นว่าราคาที่ปรับตัวลดลงเริ่มทรงตัวและต้องการรอให้ราคาปรับไปถึงระดับต่ำสุดที่จะเป็นไปได้เสียก่อน ในขณะเดียวกันก็จะมีเทรดเดอร์ที่ตื่นกลัวรีบเทขายหรือต้องปิดสถานะเนื่องจากพอร์ตถูกล้าง
เทรนด์จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีการหยุดขายและผู้ซื้อเริ่มมั่นใจว่าราคาจะไม่ลดต่ำลงไปกว่านี้แล้ว กลยุทธ์การเทรดแบบตามเทรนด์นั้นคือเทรดเดอร์จะเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านและแรงขายไป แล้วตกลงมาที่ระดับแนวรับ
เทรนด์ของตลาดอาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยืดเยื้อกินเวลานาน เนื่องจากกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex นี้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาเป็นสำคัญจึงถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยเช่นกัน ระบบการเทรดแบบตามเทรนด์จะใช้อินดิเคเตอร์ในการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเทรนด์ใหม่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้การันตี 100% ว่าจะเกิดขึ้นตามนั้นอย่างแน่นอน
ข่าวดีก็คือ
ถ้าอินดิเคเตอร์สามารถบ่งบอกเวลาที่มีโอกาสที่เทรนด์เริ่มก่อตัวขึ้นได้ละก็ ถือว่าเป็นประโยชน์ในการเทรดเป็นอย่างมาก การแจ้งเตือนว่าอาจมีเทรนด์เริ่มก่อตัวขึ้นเรียกว่า 'breakout' โดยจะเป็นตอนที่ราคามีการเคลื่อนไหวทะลุขึ้นไปสูงกว่าระดับราคาสูงสุดหรือลงต่ำกว่าระดับราคาต่ำสุดในช่วงเวลาตามจำนวนวันที่กำหนดไว้สำหรับดูข้อมูล ตัวอย่างเช่น breakout ของระยะเวลา 20 วันเป็นไปในทิศทางขาขึ้น หมายถึงราคาพุ่งสูงขึ้นไปทะลุระดับราคาสูงสุดในช่วงระยะเวลา 20 วันที่ผ่านมา
ระบบการเทรดแบบตามเทรนด์จะต้องมีการควบคุมอารมณ์ในการเทรดให้ได้ด้วย เพราะเป็นการเทรดในระยะเวลานาน ซึ่งในระหว่างนั้นผลกำไรอาจจะหายไปได้หากเกิดการแกว่งตัวของราคาในตลาด เมื่อตลาดมีความผันผวน เราจะเห็นการแกว่งตัวของราคาได้ชัดเจนกว่าเทรนด์ ดังนั้นระบบการเทรดแบบตามเทรนด์จึงเป็นกลยุทธ์เทคนิคการเทรดที่เหมาะที่สุดสำหรับตลาด Forex ที่เป็นเทรนด์แต่ผันผวนไม่มากนัก
ตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดแบบตามเทรนด์ก็คือระบบ Donchian Trend ซึ่ง Donchian channel นั้นถูกคิดค้นขึ้นมาจากนักเทรดฟิวเจอร์สที่ชื่อ Richard Donchian โดย Donchian channel เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ระบุการเริ่มเกิดเทรนด์ คุณสามารถปรับพารามิเตอร์ Donchian channel ได้ตามความเหมาะสม แต่สำหรับตัวอย่างนี้เราจะดูที่กรอบระยะเวลา 20 วัน
โดยหลักแล้ว Donchian channel จะให้คำแนะนำในการเทรดอยู่ 2 อย่างด้วยกัน คือ
ซื้อเมื่อราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้นไปเหนือระดับราคาสูงสุดในช่วง 20 วันก่อนหน้า
ขายเมื่อราคาปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับราคาต่ำสุดในช่วง 20 วันก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังมีหลักเกณฑ์ในการเทรดเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งเมื่อภาวะของตลาดเหมาะกับระบบการเทรดดังกล่าว หลักเกณฑ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้เพื่อกรองเอา breakout ที่ตรงข้ามกับเทรนด์ในระยะยาว หรือจะให้กล่าวสั้น ๆ ก็คือให้ดูเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) แบบ 25-วัน กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 300-วัน ทิศทางของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะเวลาสั้นกว่าจะบ่งบอกแนวทางการเทรดให้กับคุณ ซึ่งหลักเกณฑ์นี้จะบอกว่าคุณสามารถเทรด
short ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 25-วันอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 300-วัน
หรือ
long ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 25-วันอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ 300-วัน
การออกจากเทรดก็จะทำในแบบเดียวกันกับการเข้าเทรด แต่จะใช้กรอบระยะเวลาแค่ 10 วัน หมายความว่าถ้าคุณเปิดสถานะ long แล้วราคาตลาดปรับตัวลงไปต่ำกว่าระดับราคาต่ำสุดในช่วง 10 วันก่อนหน้า คุณอาจจะต้องทำการขายเพื่อออกจากเทรด หรือในทางตรงกันข้าม
กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex แบบ 4-ชั่วโมง
หนึ่งในกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่มีประโยชน์และได้ผลอย่างมากก็คือกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์แบบ 4 ชั่วโมง แต่กรอบระยะเวลา 4 ชั่วโมงนั้นจะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่เทรดแบบ Swing Trading มากกว่า กลยุทธ์นี้จะใช้กราฟแบบ 4 ชั่วโมงเป็นกราฟ base ในการค้นหาบริเวณที่มีสัญญาณการเทรดที่จะทำกำไรได้ ส่วนกราฟแบบ 1 ชั่วโมงจะเป็นกราฟ signal ใช้เป็นตัวค้นหาจุดที่จะเปิดสถานะสัญญาซื้อขาย
ข้อควรระวังคือกรอบระยะเวลาสำหรับหาสัญญาณการเทรดในกราฟ signal ควรจะมีระยะเวลาน้อยกว่ากราฟ base อย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยจะมีการเลือกใช้เส้น MA 2 ชุดด้วยกัน ชุดแรกจะเป็นเส้น MA 34-period ส่วนอีกชุดหนึ่งจะเป็นเส้น MA 55-period และเพื่อยืนยันว่าเทรนด์นั้นคุ้มค่าพอที่จะเข้าเทรดหรือไม่ เส้น MA จะต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมราคา
ในกรณีเทรนด์ขาขึ้น จะเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
ราคาจะยังคงอยู่เหนือเส้น MA
เส้น 34-MA จะยังคงอยู่เหนือเส้น 55-MA และยังเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
เส้น MA จะเฉียงขึ้นไปให้ได้นานที่สุดในระหว่างเทรนด์ขาขึ้น
ในกรณีเทรนด์ขาลง จะเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
ราคาจะยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น MA
เส้น 34-MA จะยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น 55-MA และยังเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
เส้น MA จะเฉียงลงไปให้ได้นานที่สุด
เส้น MA จะเป็นตัวแสดงโซนแนวรับในช่วงเทรนด์ขาขึ้น และแสดงโซนแนวต้านในช่วงเทรนด์ขาลง ภายในหรือรอบ ๆ โซนดังกล่าวนี้จะเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับกลยุทธ์เทคนิคการเทรดแบบตามเทรนด์ เรียนรู้ขั้นตอนการเทรดกับเราในหลักสูตรการเรียนรู้ใหม่ล่าสุดอย่าง Forex 101 ที่ยังมีข้อคิดเห็นสำคัญ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรดมืออาชีพให้ด้วย คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อลงทะเบียนฟรี
กลยุทธ์ Forex แบบเทรดตรงข้ามเทรนด์
กลยุทธ์การเทรดตรงข้ามเทรนด์จะยึดหลักความจริงที่ว่า breakout ส่วนใหญ่จะไม่พัฒนาไปเป็นเทรนด์ระยะยาว ดังนั้นเทรดเดอร์จึงใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนี้เพื่อหาประโยชน์จากแนวโน้มที่ราคาจะพลิกตัวจากระดับราคาสูงสุดและต่ำสุดก่อนหน้า ในทางทฤษฎี กลยุทธ์การเทรดตรงข้ามเทรนด์ถือเป็นกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่ดีที่สุดในการเพิ่มความมั่นใจ เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จค่อนข้างสูง
แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องทำเลยก็คือต้องมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุมและเคร่งครัด กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex นี้จะใช้ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นสำคัญ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสียอย่างมากเช่นกันเมื่อผ่านช่วงแนวรับและแนวต้านไปแล้ว ควรมีการติดตามดูตลาดอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งสภาวะตลาดที่เหมาะกับกลยุทธ์นี้ที่สุดคือตลาดที่เสถียรและมีความผันผวน เพราะสภาวะตลาดดังกล่าวจะมีการแกว่งตัวของราคาที่เหมาะสมไม่ออกไปนอกกรอบ แต่ควรพึงระวังไว้ด้วยว่าสภาวะตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ตัวอย่างเช่น ตลาดที่เสถียรและไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักอาจจะเริ่มเกิดเทรนด์ขึ้นได้ จากนั้นก็จะเริ่มมีความผันผวนเกิดขึ้นเมื่อเทรนด์เริ่มก่อตัวขึ้น โดยสภาวะของตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดนั้นจะยังไม่แน่นอน คุณควรมองหาเบาะแสที่จะบ่งชี้สภาวะตลาดปัจจุบัน เพื่อตัดสินว่าเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณหรือไม่
ค้นหากลยุทธ์ Forex ที่เหมาะกับคุณที่สุด
แหล่งที่มา: ตัวอย่างบัญชีทดลองของ Admiral Markets
มีการพัฒนาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคหลาย ๆ ตัวขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีในการเทรดออนไลน์ที่ล้ำสมัยขึ้นทำให้คนเราสามารถเข้าถึงเครื่องมือและแพลตฟอร์มในการสร้างอินดิเคเตอร์และระบบสำหรับการเทรดของตนเองได้มากยิ่งขึ้น
คุณสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคในส่วนการเรียนรู้ของเราหรือในแพลตฟอร์มเทรดที่เรามีให้บริการ กลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่นั้นควรจะเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน และใช้ได้ผลในหมู่เทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว คุณจะค้นพบกลยุทธ์เทคนิคการเทรด Forex ที่เหมาะกับสไตล์ของคุณที่สุดได้ก็ต่อเมื่อผ่านการทดลองและความล้มเหลวมาแล้วหลาย ๆ ครั้ง ลองเข้าไปทดสอบกลยุทธ์เทคนิคการเทรดได้แบบไร้ความเสี่ยงกับบัญชีทดลองเทรดของเรา
Comments